go



1000top
วันพุธที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2546


ข่าวหน้าหนึ่ง

ทัศนะวิจารณ์

เศรษฐกิจการเงิน

ธุรกิจการตลาด

การเมือง

ไอที-อินเทอร์เน็ต

คุณภาพชีวิต

นวัตกรรม

ต่างประเทศ

กีฬา

จุดประกาย



เสาร์สวัสดี
จุดประกายวรรณกรรม

กรุงเทพวันอาทิตย์

@Taste

ยานยนต์

SciTech

Biz & Money

เนชั่นสุดสัปดาห์

ไขปัญหาภาษี



มองมุมใหม่ : "ฝรั่งเศส" การเดินทางไปเยือนของ นายกฯ

ผศ. ดร.รุธิร์ พนมยงค์
คงเป็นสิ่งที่น่ายินดีสำหรับการที่นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยได้มีโอกาสไปเยือนประเทศฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ เพราะว่าในความเป็นจริงแล้วนั้น ประเทศไทยกับประเทศฝรั่งเศสต่างก็มีความสัมพันธ์ทางการทูตมาเป็นระยะเวลามากกว่า 300 ปีมาแล้ว

หากแต่ถ้านำมาเปรียบเทียบระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกลับไม่สามารถเทียบได้กับความสัมพันธ์ของไทยกับสหรัฐอเมริกา หรือแม้กระทั่งกับสหราชอาณาจักรได้เลย ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างมาก เนื่องจากประเทศฝรั่งเศสนับว่าเป็นประเทศที่ได้ให้หลายสิ่งหลายอย่างกับประเทศไทย แต่ในขณะเดียวกันก็มีการเอารัดเอาเปรียบเช่นกัน ดังจะเห็นได้จากประวัติศาสตร์ของไทย

แต่ถ้าเราจะลองมองย้อนกลับไปในอดีต ก็จะพบว่า ฝรั่งเศสนับเป็นต้นแบบของแนวคิดทางด้านประชาธิปไตยของประเทศไทย เนื่องจากแกนนำสำคัญของคณะราษฎร์ล้วนแต่เป็นผู้ที่สำเร็จการศึกษามาจากประเทศฝรั่งเศสทั้งสิ้น ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนได้ซึมซับระบบความคิด ปรัชญาทางด้านประชาธิปไตยมาจากฝรั่งเศส

การเดินทางไปเยือนประเทศฝรั่งเศสของ นายกฯ ทักษิณในครั้งนี้ ผมมองว่า ประเทศไทยน่าที่จะได้รับประโยชน์อย่างมาก นอกเหนือจากการเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตและการค้าแล้ว ประเทศไทยน่าจะได้ประโยชน์ด้านอื่นด้วย ประการแรก ด้านรัฐศาสตร์ ฝรั่งเศสนับว่าเป็นประเทศที่น่าสนใจสำหรับประเทศไทยที่จะนำมาถ่วงดุลอำนาจกับประเทศสหรัฐ จากการที่ประเทศไทยได้มีการประกาศอย่างชัดเจนว่า จะมีการเพิ่มสัมพันธไมตรีกับประเทศอื่น ดังเช่น ประเทศจีน เพื่อเป็นการถ่วงดุลอำนาจของสหรัฐ นั้น

ผมมองว่า ประเทศฝรั่งเศสน่าจะเป็นประเทศที่ดีประเทศหนึ่ง เนื่องจากว่า ฝรั่งเศสมักจะมีจุดยืนที่เป็นของตนเองมาโดยตลอด โดยไม่คำนึงว่า ประเทศมหาอำนาจเช่น สหรัฐ จะดำเนินนโยบายเช่นไร ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะมีการเจริญสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศสให้มีความแน่นแฟ้นขึ้น นับว่าเป็นสิ่งที่ดี นอกจากนี้ยังเป็นการลดอิทธิพลของสหรัฐ ที่จะมีต่อนโยบายระหว่างประเทศของไทยด้วย

ประการที่ 2 การเรียนรู้ในส่วนของการสร้างแบรนด์ของฝรั่งเศสและนำมาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย ฝรั่งเศสนับเป็นต้นแบบที่ดีสำหรับการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจน และหากไทยจะสร้างแบรนด์ไทยแลนด์ขึ้นมา ก็ควรจะมีการเลือกว่าจะนำสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ใดมาใช้กับแบรนด์ไทยแลนด์

ผมมองว่า การที่แบรนด์ของฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็น น้ำหอม หรือเสื้อผ้า ต่างก็เป็นที่นิยมในตลาดโลกค่อนข้างมากนั้น น่าจะมาจากด้านของคุณภาพ และความทันสมัยของสินค้าที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้

สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไทยจะต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากอุตสาหกรรมหลัก 5 อุตสาหกรรมที่รัฐบาลเห็นว่า เป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกนั้น หากแต่มีเพียงบางอุตสาหกรรมเท่านั้นที่จะสามารถนำมาใช้กับแบรนด์ไทยแลนด์ได้ ดังเช่น อุตสาหกรรมการ์เม้นต์ เป็นต้น

ในขณะที่อุตสาหกรรมยานยนต์กลับไม่สามารถทำได้ เพราะจากการที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลกได้มีการตั้งฐานการผลิตรถยนต์ในไทย ทำให้การที่ประเทศไทยจะหันมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์โดยใช้แบรนด์ไทยแลนด์แข่งขันกับบริษัทรถยนต์เหล่านั้น จึงเป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก

อย่างไรก็ตาม สำหรับอุตสาหกรรมการ์เม้นต์นั้น การจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันควรให้ความสำคัญกับการเพิ่มมูลค่าของตัวสินค้าเป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราสามารถทำให้ดีไซเนอร์ของไทยสามารถเปิดร้านอยู่บนถนนชองเอลิเซ่ของประเทศฝรั่งเศสได้ ย่อมจะทำให้แบรนด์ไทยแลนด์เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก โดยไม่จำเป็นต้องใช้การแข่งขันทางด้านราคา หากแต่หันมาใช้กลยุทธ์ทางด้านการเพิ่มมูลค่าของสินค้าแทน

ประการที่ 3 ความร่วมมือและการแลกเปลี่ยนทางด้านเทคโนโลยี หากการเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสของ นายกฯ ทักษิณในครั้งนี้ สามารถทำให้เกิดการลงทุนของฝรั่งเศสในไทย โดยมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ ติดตามมา ย่อมถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับประเทศไทย เพราะฝรั่งเศสนับว่าเป็นประเทศที่เป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน

ประการที่ 4 การแลกเปลี่ยนทางด้านวัฒนธรรม จากประสบการณ์ของผมในสมัยที่เรียนอยู่ที่ฝรั่งเศสนั้น ผมพบว่า ประชาชนในฝรั่งเศสค่อนข้างที่จะคลั่งไคล้ศิลปะมวยไทยเป็นอย่างมาก

ดังนั้นหากเราสามารถส่งอดีตนักมวยไทยให้ไปเป็นครูผู้สอนมวยไทยในประเทศฝรั่งเศสได้ ย่อมถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะนอกจากจะเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทยแล้ว ยังเป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศอีกทางหนึ่งด้วย เพียงแต่รัฐบาลคงจะต้องเข้ามามีบทบาทให้มากกว่านี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผลักดันให้มีประกาศนียบัตรการเป็นผู้สอนมวยไทยที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก เนื่องจากในประเทศฝรั่งเศสนั้น การที่จะเป็นครูสอนมวยไทยในประเทศนี้ได้ในปัจจุบัน จำเป็นจะต้องได้รับประกาศนียบัตรจากรัฐบาลฝรั่งเศสเสียก่อน

เพราะสมาคมมวยไทยในฝรั่งเศสจะถูกควบคุมโดยกระทรวงเยาวชนและกีฬา ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานเอาไว้ว่า ผู้ฝึกสอนมวยจะต้องมีความรู้ทางด้านศิลปะมวยและความรู้ทางด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันไม่ให้นักมวยของตนเองได้รับบาดเจ็บ หรือ หากมีการบาดเจ็บเกิดขึ้น ผู้สอนจะต้องทราบว่าจะต้องประพฤติตนเช่นไร

รวมถึงทราบในกฎ ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้รัฐยังจัดให้มีการประเมินผู้สอน โดยจัดการสอบเป็นระยะๆ เพื่อควบคุมมาตรฐาน ทำให้อดีตนักมวยไทยหลายคนที่ไปใช้ชีวิตอยู่ในฝรั่งเศส ไม่สามารถเป็นครูผู้สอนมวยไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

ดังนั้น หากรัฐบาลมีความเห็นว่า ศิลปะมวยไทยเป็นสิ่งที่น่าจะนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทยได้ รัฐก็ควรที่จะมีการจัดระเบียบมวยไทยเสียใหม่ หรืออย่างน้อยก็ควรจัดให้มีประกาศนียบัตรที่จะมารับรองอาชีพครูมวย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก

สุดท้ายนี้ ผมเห็นว่า การเดินทางไปประเทศฝรั่งเศสของ นายกฯ ทักษิณ นั้น ประเทศไทยน่าที่จะได้รับประโยชน์มากกว่าที่จะเสียประโยชน์


กรุงเทพทัศนะ
เวทีสาธารณะสำหรับ การ แสดงความคิดเห็น ผู้อ่านสามารถ ส่งบทความพิเศษ รายงานพิเศษ รายงานการวิจัย รายงานจากภาคสนาม เรื่องราวร้องทุกข์ หรือ จดหมาย มาได้ที่นี่
ชื่อคุณ :
หัวข้อ :
ข้อความ :

หัวข้อ 5 อันดับ ล่าสุด
308 . อยากได้ข้อมูลของโรคซาร์ส [ 2 ]
307 . SARS  ยังคงถล่มบริษัททัวร์ต่อไป [ 1 ]
306 . เรียนฟรี  12  ปีกับแป๊ะเจี๊ยะ [ 1 ]
305 . เพื่อความชัดเจน  (หุ้น  ทศท.) [ 4 ]
304 . Real  epic  in  real  world  ,  rightnow! [ 29 ]




About Us I Suggestion I Site Map I GetThaiFont | Contact Us I Privacy Policy

copyright @ 2000 Nation Group / Produced & Designed by : KT Internet Dept.
All Right Reserved, Contact us : ktwebmaster@bangkokbiznews.com